สรุปสิ่งที่ได้จากการทำ #100DaysOfCode
ว่าจะเขียนสรุปนานแล้ว แต่ไม่มีเวลาว่างเท่าไหร่ เนื่องจากช่วงต้นปี ผมได้ลองทำ challenge ตัวเองในการทำ #100DaysOfCode ผ่าน Twitter คือ การเขียนโค๊ดทุกๆ วันให้ได้ 100 วันติดต่อกัน ที่มาคือ ก่อนหน้านั้น ผมเว้นว่างจากการ Coding ไป 6-7 เดือน (ช่วงนั้นผมตัดสินใจลาออกมาพัก) ไม่ได้แตะโค๊ดเลย ทำให้รู้สึกว่าต้องพัฒนา รื้อฟื้นสกิลของเราซะหน่อยแล้ว เพราะผมมองว่า ถ้าผมจะกลับไปทำงานจริงๆ เราต้องมีสกิลที่ดีกว่านี้ ไม่ใช่นับแต่ประสบการณ์ทำงาน แต่สกิลไม่มีเลย ก็เลยเป็นที่มาให้ทำ #100DaysOfCode
สามารถดู Hashtag #100DaysOfCode ของผมใน Twitter ได้ที่นี่ ครับ ผมเริ่มทำ Challenge คือวันที่ 15 มกราคม ถึง 25 เมษายน ครับ
ซึ่งตัว #100DaysOfCode เค้าไม่ได้กำหนดรูปแบบหรือกฎว่า ต้องไม่เคยเขียนโค๊ดมาก่อน หรือต้องทำนู้น ทำนี่ ให้ได้อย่างน้อย 1 ชั่วโมง กฎเราสามารถกำหนดเองได้ และผมก็กำหนดเองครับ กฎของผมมีแค่
- ลงมือโค๊ด จะเป็นตาม Tutorial ตาม Course อะไรก็ได้หมด ขอแค่มันทำให้เราพัฒนาตัวเองก็พอ และ ต้องไม่เกี่ยวกับงาน (งานผมเป็น Software Developer ถ้านับด้วย ก็ไม่ได้ Challenge พอดี ฮ่าๆ)
- ทุกๆ วันจะต้องสรุป สิ่งที่เรียนรู้ แล้วก็ติด HashTag #100DaysOfCode เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้คนที่ทำเหมือนๆกัน (แต่เอาจริงๆ เจอแต่ Bot มา Like & Retweet 🤣)
- เป้าหมายของผมมี 2 อย่างคือ 1. เรียนรู้ Blockchain & Smart Contract และ 2. รื้อฟื้นสกิล Web Development ของตัวเอง

สุดท้ายแล้ว ผมทำได้ครับ 100DaysOfCode แต่เอาจริงๆ ก็มีวันที่ไม่ได้ทำครับ ถ้าจำไม่ผิด คือช่วงตรุษจีน ต้องกลับไปค้างที่บ้านต่างจังหวัด ไม่มีอินเตอร์เนต และก็ไม่ได้ใช้คอม กับอีกวัน จำไม่ได้ ทำให้ทั้งหมด พลาดไปทั้งสิ้น 2 วัน
สิ่งที่ผมได้จากการทำ Challenge นี้คือ
- ได้เป็นผู้ใช้งาน (User) ครั้งแรก โดยการลองซื้อ NFT บน Opensea เพื่อที่จะได้รู้การทำงานต่างๆ พอเวลาเราเป็น Dev เราก็จะเข้าใจว่า มันต้องมีขั้นตอนการ Connect Wallet มีการขอ Permission ต้อง Approve / Sign รวมถึงการ Read/Write Contract อะไรพวกนี้
- ได้เริ่มหัดเขียน Smart Contract หลักๆ คือ หัดเขียน Solidity + Hardhat จากคอร์ส Buildspace ใช้เวลาเรียน + Research ตาม topic / keyword ที่ได้จากคอร์สเพิ่มเติม
- หัดทำ NFT แบบ On-Chain และแบบ Off-Chain รวมถึงการทำ Generative NFT ด้วยการใช้ Library อย่าง HashLips ช่วยในส่วนของ Art Engine.
- ได้ลอง Deploy Contract บน Chain อื่นๆ (EVM) เช่น Polygon, Avalanche, BNB Chain, Moonbeam ซึ่งสามารถใช้ Solidity Code เดิมได้เลย ต่างกันแค่ RPC และ Blockchain config นิดหน่อย
- ได้อ่าน Aave Docs อยู่ช่วงนึง เพราะอยากลองทำ Lending ตอนนั้น จำได้ว่า ยังไม่เข้าใจฝั่ง Smart Contract มาก ทำให้ใช้ได้แต่ Ethers.js และ aave js / utilities
- ได้รู้จัก NEAR Protocol และได้ลองเป็นผู้ใช้ โดยการซื้อขายผ่าน Paras
- ได้อ่าน Docs ของ Harmony ONE และลอง take course ZKU One (Zero Knowledge University ของ ONE) ด้วย แต่ก็พบว่า ไม่ใช่แนวทางที่ตัวเองชอบแฮะ และก็มันต้องตั้งใจและใช้เวลามากกว่าที่คิด ซึ่งผมแบ่งเวลาไม่ได้ ก็ยกเลิกไปหลังจากเรียนไป 3 weeks
- หัดเรียน NEAR ผ่าน NEAR Workshop และก็ NEAR Education / NEAR Docs
- เริ่มหัดเขียน Rust โดยเน้นไปที่ส่วน Blockchain ทำให้สนใจพวก Solana, NEAR, Polkadot เป็นพิเศษ แต่ก็ได้ลองเอามาทำ REST API โดยใช้ Actix หรือทำ Command Line ง่ายๆ ด้วย Clap บ้างนิดหน่อย
- เรื่อง Rust นี่ยอมรับว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจยากสำหรับผม ผมวนเวียนอ่าน Rust Docs / ทำ Rustlings อ่านบล็อก อ่านหนังสือ เพื่ออยากให้ Fundamental มันดีกว่านี้
- ด้วยการที่เราตั้งใจศึกษา Rust อยู่แล้ว ก็ทำให้ได้เรียนรู้ Solana การทำ Smart Contract บน Solana การใช้ Anchor รวมถึง Solana Pay
- ได้เข้าไปเรียน Solana Blockchain Development Bootcamp ที่จัดโดย Chainlink (เรียนผ่าน Zoom) 2 วัน แม้จะเป็นแค่ Overview แต่ได้ไอเดีย ได้มุมมองอะไรดีๆ หลายอย่างเลย
- ลองเขียน Smart Contract ด้วย ink! ครั้งแรก รวมถึงลอง Substrate และ Polkadot Ecosystem
- รื้อฟื้นสกิล Web Development ของตัวเอง ตอนนั้นจำได้ แก้ไขเว็บ Devahoy ที่ใช้ Gatsby 3 มาเป็น Gatsby 4 สุดท้าย ก็เปลี่ยนยกชุด ไปใช้ Next.js เลย เพราะว่า เจอปัญหาจุกจิกกับ Gatsby เยอะ จนบางที ตั้งใจจะเขียนแค่บทความเฉยๆ แต่ก็ต้องมานั่ง fix bug ไม่ได้ Publish บทความซักที
- จำได้ว่าช่วงนั้น สกิล React แทบลืมเกือบหมด เลยไปนั่งรื้อฟื้น การใช้งานแค่ React Context API ก็ยังทำไม่ได้แล้ว ต้องอ่าน Docs หรือขนาด
- ได้ฝึก LeetCode อยู่ช่วงนึง (หลังๆ ก็ไม่ได้เข้าไปเลย หลังจาก Challenge 🤣)
- ได้ดู Youtube Video เยอะขึ้นมากๆ (จากปกติที่ไม่ชอบดู Video เพราะใจร้อน เน้นอ่าน เพราะมัน scan หาข้อความสำคัญง่ายกว่า แต่พอมาดู Video ก็พบว่า มันก็ได้เห็นอีกมุมมองนึงเหมือนกัน เรียกว่า ก็ผสมๆ กันไป ดู Video + อ่าน Blog อะไรก็ได้ ที่ทำให้เราเข้าใจ และเรียนรู้มันได้
สรุป
หลังจากจบ #100DaysOfCode ผมก็ยัง Keep learning ต่อทุกๆวันครับ อาจจะมีบางวันขี้เกียจบ้าง ก็นั่งเล่นเกม พักผ่อนครับ ไม่ได้ต้องเป๊ะทุกๆวัน แต่ก็พบว่า มันเหมือนสร้างนิสัย ให้เราขยัน และมีวินัยมากขึ้น รวมถึงได้เริ่มมองเห็นแนวทางแล้วว่าตัวเองชอบอะไร ไม่ชอบอะไร เพราะก่อนหน้านี้เราไม่รู้ว่าเราจะโฟกัสไปที่ตรงไหนกันแน่ วิธีที่ดีที่สุด ก็ลองทำดู ลงมือทำ แล้วเราก็จะรู้เองว่า เราชอบอะไร อยากทำอะไร สำหรับใครที่หลงเข้ามาอ่าน ลองตั้ง Challenge ตัวเองขึ้นมา และลองทำกันดูนะครับ เริ่มจากเล็กๆก่อนก็ได้ สิ่งสำคัญคือการลงมือทำ
Happy Coding ❤️